ประโยชน์ของรางน้ำฝน
1. เป็นการจัดทางน้ำไหลจากหลังคาหรือกันสาดลงสู่จุดที่ต้องการ
2. ป้องกันเชื้อราบนผนังปูนที่เกิดจากการกระเซ็นของน้ำฝน
3. ป้องกันการกัดเซาะหน้าดินจากการชะล้างของน้ำฝน
4. ลดปัญหาน้ำรั่วซึมเข้าสู่พื้นที่ใต้หลังคา อาทิ กรอบประตูหรือหน้าต่าง
5. ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงบ้าน
5 ขั้นตอนเตรียมความพร้อมรางน้ำฝน
1.ขูดเศษดิน เก็บเศษขยะ หรือใบไม้แห้ง ที่สะสมทั้งปี
2.นำสายยางฉีดน้ำลงในรางน้ำฝน
3.ใช้สายเคเบิ้ลทะลวงสิ่งอุดตันที่อยู่ภายในท่อน้ำฝน
4.ตรวจซ่อมรอยรั่วต่าง ๆ ของรางน้ำฝนด้วยซิลิโคนกันน้ำ
5.ตรวจสอบจุดยึดต่าง ๆ ขั้นให้แน่นพร้อมใช้งาน
..............................................
5 เหตุผลที่ต้องติดรางน้ำฝน
อาจจะดูเตรียมตัวเร็วไปหน่อยสำหรับการพูดถึงเรื่องรางน้ำฝนในหน้าร้อนนะคะ แต่อย่างว่าแหล่ะค่ะ ธรรมชาติในยุคสมัยนี้ไว้ใจกันได้เสียที่ไหน อย่างช่วงนี้หน้าร้อนแท้ ๆ แต่ก็กลับมีฝนตกหนักมาให้เราได้แปลกใจกันอยู่ประปรายรายวัน และเจ้าน้ำฝนที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวนี้เองที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับบ้านเราได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะบางบ้านอาจจะไม่ได้ติดรางน้ำฝนไว้ป้องกันตัว เพราะคิดว่าไม่จำเป็นหรือไม่สวยงามต่อตัวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วการติดรางน้ำฝนมีประโยชน์มากกว่าที่คิดค่ะ
1. ปกป้องพื้นสวนและบ่อปลาจากน้ำลงตกกระทบ
2. ปกป้องผนัง สีบ้านจากคราบน้ำ เชื้อรา บวมลอกล่อน
3. ปกป้องวงกบประตู หน้าต่าง จากปัญหาความชื้น ซึ่งทำให้บวม (ไม้) หรือเป็นสนิม (อะลูมิเนียม)
4. หลีกเลี่ยงการมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านอาจฟ้องร้องเราได้
5. ปกป้องโครงสร้างบ้านจากน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้บ้านทรุดได้
..............................................
5 เหตุผลที่ต้องติดรางน้ำฝน
1. ปกป้องพื้นสวนและบ่อปลาจากน้ำลงตกกระทบ
2. ปกป้องผนัง สีบ้านจากคราบน้ำ เชื้อรา บวมลอกล่อน
3. ปกป้องวงกบประตู หน้าต่าง จากปัญหาความชื้น ซึ่งทำให้บวม (ไม้) หรือเป็นสนิม (อะลูมิเนียม)
4. หลีกเลี่ยงการมีปัญหากับเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านอาจฟ้องร้องเราได้
5. ปกป้องโครงสร้างบ้านจากน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้บ้านทรุดได้
..............................................
ประโยขน์ของรางน้ำฝน
1. ป้องกันสวน หรือต้นไม้ในบ้านจากน้ำฝน
2. ป้องกันผนังและเฟอร์นิเจอร์นอกบ้านเปรอะเปื้อน
3. ป้องกันปัญหากับเพื่อนบ้าน
รางน้ำฝนมีกี่ประเภท
1. รางน้ำฝนโลหะ
- รางน้ำฝนอะลูมิเนียม
- รางน้ำฝนสังกะสี
- รางน้ำฝนสแตนเลส
- รางน้ำฝนเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์
2. รางน้ำฝนวัสดุสังเคราะห์
- รางน้ำฝนรรรรดไฟเบอร์กลาส
- รางน้ำฝนไวนิล
..............................................
เลือกประเภทรางน้ำฝนให้เหมาะกับบ้าน
หากต้องการเลือกรางน้ำฝนเพื่อนำมาใช้งานที่บ้าน จะต้องทำการพิจารณาหลาย ๆ อย่าง เพื่อให้เหมาะสมกับบ้าน และ
ไลฟ์สไตล์ของเจ้าของบ้าน รวมถึงสมาชิกให้มากที่สุด โดยมีหลักการพิจารณาง่าย ๆ ดังนี้
1. งบประมาณเหมาะสม
สิ่งแรกที่หลายคนใช้พิจารณาเป็นอันดับแรก ซึ่งรวมถึงค่ารางน้ำฝน และค่าติดตั้ง ลองสำรวจราคาจากร้านที่รับติดตั้งรางน้ำ ทั้งค่าวัสดุและค่าติดตั้งดูว่าแบบไหนถึงเหมาะกับงบประมาณมากที่สุด
2. คุ้มค่า
หากเลือกข้อนี้ ควรพิจารณาจากวัสดุของรางน้ำฝนเป็นอันดับแรก โดยปัจจุบันมีให้เลือกหลายประเภท และหลายขนาด หากมองหาความคุ้มค่าก็ควรเลือกรางน้ำอะลูมิเนียม ซึ่งมีอายุการใช้งานนานกว่ารางน้ำฝนประเภทอื่น
3. ขนาดพื้นที่หลังคา
หากหลังคามีขนาดใหญ่ ควรเลือกขนาดรางน้ำให้เหมาะสม โดยปัจจุบันขนาดรางน้ำมีให้เลือกทั้งขนาด 4, 5 และ 6 นิ้ว หากหลังคาขนาดใหญ่ควรเลือกขนาด 5 นิ้วขึ้นไป และหากหลังคามีความยาวมาก ควรเพิ่มรูระบายน้ำหลาย ๆ จุด เพื่อให้สามารถระบายน้ำฝนได้ทัน
4. การติดตั้ง
โดยปกติรางน้ำฝนจะติดตั้งกับเชิงชายหรือไม้ปีกนกโดยการใช้ตะปูหรือน็อต หรือรางน้ำบางประเภท เช่น รางน้ำฝนสังกะสีจะใช้การแขวนกับจันทัน การติดตั้งรางน้ำหากเป็นการติดตั้งบริเวณหลังคาโรงจอดรถ หรือหลังคาครัวไทยหลังบ้าน หากอุปกรณ์ครบก็สามารถติดตั้งเองได้ แต่หากเป็นบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม 2 ชั้น ควรใช้บริการช่างจะดีกว่า เพราะบางวัสดุ เช่น รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาสต้องใช้ช่างเฉพาะทางมาติดตั้ง
5. ความสวยงาม
หากต้องการเลือกรางน้ำฝนที่เข้ากับสีสันของหลังคาหรือตัวบ้าน ควรเลือกรางน้ำฝนที่มีสีให้เลือกหลายสี เช่น รางน้ำฝนไฟเบอร์กลาส หรือรางน้ำฝนอะลูมิเนียม แทนรางน้ำฝนสังกะสี
..............................................
วิธีการบำรุงรักษารางน้ำฝนให้ใช้งานได้ดีตลอดเวลา
สำหรับวิธีการบำรุงรักษารางน้ำฝนให้ยังคงสภาพการใช้งานที่ดีอยู่นั้นทำได้ไม่ยาก มีวิธีการดังนี้
1. หมั่นตรวจสอบการทำงานของรางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีฝนตก หรืออาจทดลองฉีดน้ำบนหลังคา แล้วสังเกตว่ามีการรั่วหรือซึมที่ส่วนไหนของรางน้ำฝนหรือไม่ เพื่อดำเนินซ่อมแซมก่อนช่วงที่ฝนตกหนัก สังเกตตะขอแขวนรางว่ายังคงมั่นอยู่หรือไม่ หากน้ำฝนปริมาณมากจะได้ไม่มีปัญหารางน้ำหล่นมาพังเสียหาย
2. ทำความสะอาดรางน้ำฝนเป็นประจำ ปัญหาหนึ่งที่มักพบกับรางน้ำฝนคือ หลังจากห่างหายจากหน้าฝนมาสักระยะเจ้าของบ้าน หรือผู้อยู่อาศัยมักหลงลืมการทำความสะอาดรางน้ำ ทำให้มีเศษใบไม้หรือเศษต่าง ๆ ตกค้างอยู่ในรางน้ำ ทำให้เกิดการอุดตัน หรือหากเศษต่าง ๆ มีน้ำหนักมากเกินไปอาจทำให้รางน้ำพังเสียหายได้
..............................................
ประโยชน์ของรางน้ำ
1.รวบรวมน้ำฝนจากหลังคาบ้านให้ไหลลง ณ จุดที่ต้องการ
2.ป้องกันแปรชายน้ำหลังคาบ้าน ไม่ให้ผุกร่อนก่อนเวลาอันสมควร
3.ป้องกันคราบน้ำฝนที่ชะล้างฝุ่นและสิ่งสกปรกจากหลังคาบ้าน ไหลลงสู่ผนังบ้าน หน้าต่าง ประตู วงกบ และบริเวณบ้าน ทำให้เกิดคราบสกปรกตามผนังบ้าน และอาจก่อให้เกิดเชื้อรา รวมถึงทำให้สีบ้านหม่นหมองก่อนเวลาอันสมควร
4.ป้องกันไม่ให้น้ำฝนตกกระเซ็นสู่บริเวณบ้านใกล้เคียง
5.ป้องกันปัญหาดินทรุด เนื่องจากน้ำที่ขังในดินปริมาณมากๆ รอบตัวบ้านอาจก่อให้เกิดปัญหาดินทรุด ถ้าบ้านคุณไม่มีระบบการวางท่อน้ำที่ดีและยังเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
6.ป้องกันแรงกระแทกของน้ำไปยังต้นไม้ และสวนรอบบ้าน น้ำฝนที่รวมตัวปริมาณมาก บริเวณจั่วบ้าน ซึ่งกระแทกลงตามมุมบ้านที่มีสวนและต้นไม้ อาจทำให้ต้นไม้ตายได้
7.ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ซ่อมแซมบ้าน และยังช่วยรักษาหน้าดินชั้นบน จากการชะล้างของน้ำฝน